ตัววิ่ง

ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของนางสาว ศรีสุดารัตน์ สว่างเกตุ

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

IPHONE5

คุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจของ iPhone 5
- ตัวเครื่องบาง 7.6 มม. (บางกว่า iPhone 4S 18% ) น้ำหนัก 112 กรัม ( เบากว่า iPhone 4S 20%)
- หน้าจอขนาดใหญ่ 4 นิ้ว  16:9  1136 x 640  326ppi แสดงผลไอคอนบนหน้าจอทั้งหมด 5 แถว และสามารถใช้งานต่างๆได้อย่างคล่องตัวด้วยมือข้างเดียว

- คุณสมบัติใหม่ Ultrafast Wireless ที่รองรับการใช้งานได้กับ  3G ได้ทั้ง HSPA, HSPA+ และ DC-HSDPA รวมถึงสามารถรองรับการใช้งาน  4G LTE  ซึ่งสามารถรองรับการดาวน์โหลดสูงสุด 100 Mbps ( LTE รองรับเฉพาะบางเครือข่ายในบางประเทศเท่านั้น )   สำหรับส่วนของ Wi-Fi   Wi-Fi, 2.4ghz  และ 5ghz สำหรับ 802.11n
- ใช้ CPU A6 ซึ่งประมวลผลความเร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า แสดงผลด้านกราฟฟิคได้ดียิ่งขึ้น และช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยสามารถใช้งานแบตเตอรี่ในการใช้งาน LTE ได้นาน 8 ชั่วโมง , คุยสาย 8 ชั่วโมง และ ดูคลิปวีดีโอ 10 ชั่วโมง
- ด้านระบบเสียง iPhone 5 ได้มีการปรับระบบเสียง โดยย้ายช่องเสียบหูฟังไปไว้ด้านล่าง , ช่องไมโครโฟนทั้งหมด 3 จุด ได้แก่ด้านหน้า ด้านหลัง และด้านล่าง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในส่วนของเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนและทำให้เสียงสนทนาชัดเจนมากยิ่งขึ้น  และ หูฟังแบบใหม่ล่าสุดซึ่งติดมากับชุดจำหน่ายที่เรียกว่า Earpod
- กล้องดิจิตอล iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมฟังก์ชันการถ่ายภาพแบบ Panorama ที่สามารถถ่ายภาพได้มุมกว้างถึง 240 องศาและภาพ Panorama ความละเอียดสูง 28 ล้านพิกเซล  , รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Full HD 1080p ความละเอียดสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที

- กล้องด้านหน้าแบบ FaceTime HD camera  ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ HD 720p ความละเอียดสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที และรองรับการสนทนาแบบ Facetime แบบ HD 720p โดย iPhone 5 นั้นสามารถสนทนา Facetime ผ่านทาง 3G ได้
- พอร์ทการเชื่อมต่อหรือ dock connector ได้มีการเปลี่ยนมาใช้พอร์ทแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Lightning ซึ่งเปลี่ยนจากพอร์ทแบบเดิมที่มีขนาด 30 pins ไปเป็นแบบใหม่ที่มีขนาดเล็กลงเหลือเพียง 8 pins โดยในอนาคต Apple ได้เตรียมผลิต ผลิตภัณฑ์ต่างๆของตนให้ใช้ Lightning แบบใหม่นี้ทั้งสิ้น ส่วนใครที่ยังใช้พอร์ทแบบ 30pins อยู่นั้นสามารถหาซื้อหัวเชื่อมต่อ adapter ที่ Apple เตรียมวางจำหน่ายเพื่อให้พอร์ทแบบ 30pins สามารถใช้งานกับ Lightning ได้

- ระบบปฎิบัติการ iOS6 ซึ่งได้มีการพัฒนาคุณสมบัติในการใช้งานแอพพลิเคชั่นส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Maps , Siri , Photosteam , Passbook และอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับราคาในการวางจำหน่ายนั้น Apple ได้เปิดเผยราคาในงานวันเปิดตัวซึ่งเป็นราคาแบบติดสัญญากับเครือข่ายผู้ให้บริการในสหรัฐอเมริกา โดยรุ่น 16GB จะอยู่ที่ $199 หรือประมาณ 6,200 บาท , รุ่น 32GB ราคา $299 หรือประมาณ 9,300 บาท และรุ่น 64GB ราคา $399 หรือประมาณ 12,400 บาท
ทั้งนี้จะเริ่มทำให้สั่งจองในวันที่ 14 กันยายนนี้ และเริ่มส่งสินค้าและวางจำหน่ายหน้าร้านในวันที่ 21 กันยายนสำหรับประเทศในกลุ่มแรกซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, อังกฤษ, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, ฮ่องกงและสิงคโปร์  โดยหลังจากนั้นในวันที่ 28 กันยายน Apple จะเตรียมวางจำหน่ายอีก 22 ประเทศทั่วโลกได้แก่ ออสเตรีย, เบลเยียม, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฮังการี, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลิกเตนสไตน์, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, สโลวาเกียสโลวีเนีย, สเปน, สวีเดนและสวิสเซอร์แลนด์ ส่วนประเทศอื่นๆอีกประมาณ 100 ประเทศทั่วโลกซึ่งคาดว่าจะมีรายชื่อของประเทศไทยอยู่ในนั้นด้วย จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนธันวาคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น